หนุ่มไรเดอร์ เปิดอุทาหรณ์ ถูกแจ้งความ 14 โรงพัก หลังจากรับจ้างเปิดบัญชีม้า ถูกนำไปหลอกผู้เสียหายไปกว่า 2.8 ล้าน เตรียมขี่รถ จักรยานยนต์ไปรายงานตัวกว่า 700 กม.
บทเรียนสอนใจ หนุ่มไรเดอร์ที่รับจ้างเปิดบัญชีม้า ถูกมิจฉาชีพให้เปิดบัญชีธนาคารแต่ไม่ได้ให้เล่มสมุดบัญชีตัวจริง แต่ให้ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของโจรเปิดเป็นแอปพลิเคชั่น แทน เวลาต่อมาได้ถูกธนาคารอายัดบัญชีเพราะมีผู้เสียหายจำนวน 14 ราย ได้เข้าแจ้งความ ก่อนจะพบความจริงว่าถูกมิจฉาชีพใช้บัญชีที่เปิดไปหลอกลวงผู้เสียหายจนได้เงินไปกว่า 2.8 ล้านบาท
ทำให้หนุ่มไรเดอร์คนดังกล่าวโพสต์ขอประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถ จักรยานยนต์ เพื่อที่จะเตรียมขี่รถ จักรยานยนต์จากนนทบุรี ไปรายงานตัวที่ สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ตามหมายเรียกในวันที่ 15 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เพราะว่าไม่มีค่ารถที่ใช้ในการเดินทาง
เกี่ยวกับเรื่องราวของไรเดอร์หนุ่มคนนี้ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับไรเดอร์หนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่รับซื้อบัญชีธนาคาร คือ นายนิรันดร์ อายุ 42 ปี เป็นไรเดอร์วิ่งรับส่งอาหาร ได้เปิดใจว่า
เพราะว่าเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น ระหว่างที่ตนออกไปวิ่งรับส่งอาหารตามปกติ ปรากฏว่าตนนั่งรอออเดอร์งานมาครึ่งวันแต่ก็ยังไม่ได้สักงาน
ในเวลาต่อมาลูกชายโทรมาหาเพื่อที่จะขอเงินค่าขนม ซึ่งตนก็ไม่มีเงินติดตัวที่จะให้ลูก ตนคิดว่าจะหาเงินยังไงเพื่อที่จะนำไปจ่ายขนมให้ลูกก่อน ช่วงระหว่างที่รองานเด้งนั้น บังเอิญตนนั่งเล่น
มือถือไปเล่นFacebookกลุ่มรับซื้อขายบัญชีธนาคารต่างๆ ตนจึงทักข้อความไปหาผู้ที่ลงประกาศรับซื้อเพื่อลองติดต่อสอบถามรายละเอียดดู
ซึ่ง หนุ่มไรเดอ เองก็ได้สอบถามไปชัดเจนแล้วว่า ต้องการนำบช.ธนาคารไปทำอะไร
ซึ่งทางมิจฉาชีพที่รับซื้อก็อ้างว่า จะนำบัญชีไปขายต่อให้กับแรงต่างด้าวที่แอบเข้ามาทำงานโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งตนก็ได้ย้ำคำถามไปอีกครั้งว่า ถ้าตนนำบัญชีมาขายต่อให้จะไม่มีจดหมายตามมาใช่ไหม ซึ่งมิจฉาชีพก็อ้างว่าไม่มี
โดยเขาจะให้ค่าจ้างเปิดบัญชีเป็นเงิน 1,000 บาท พร้อมกับเงินอีก 100 บาท ที่จะต้องใช้ในการเปิดบช.กับทางธนาคาร โดยมิจฉาชีพรายนี้บอกเงื่อนไขตนมาว่า เขาต้องการให้ตนไปเปิดบช.ของธนาคาร (ขอสงวนชื่อ) โดยให้ใช้
หมายเลขโทรมือถือของเขาผูกกับบช.เพื่อเปิดแอปฯของธนาคารไว้
ด้วยความไม่เอะใจและอยากหาเงินไปซื้อขนมให้ลูกๆทั้ง 3 คน ตนจึงตัดสินใจนำเงิน 100 บาท ที่มิจฉาชีพรายนี้โอนเข้าบช.ส่วนตัวมาให้ไปเปิดบช.ให้ไป ซึ่งตนได้รับค่าจ้างมาเป็นเงินครั้งละ 500 บาท
ทั้งหมด 2 ครั้ง
นายนิรันดร์ ได้กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ในวันที่ 17 ก.ย. ก็มีผู้เสียหายรายหนึ่งโทรติดต่อเข้ามาหาตน พร้อมมสอบถามเรื่องเงินจำนวน 1.4 แสนบาทที่โอนเข้าบัญชีตนมา ด้วยความตกใจและไม่รู้เรื่องว่ามีเงินโอนเข้ามาที่ตนเปิดไว้เป็นจำนวนมาก จึงนัดให้ทางผู้เสียหายเดินทางมาพบกันที่โรงพัก สภ.บางใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ
ในเวลาต่อมาผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีภรรยาเดินทางมาจากย่านหลักสอง ได้มาพูดคุยกับตนแล้ว จึงทราบว่าตนก็ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้ไปเปิดบัญชีมาเช่นกัน จึงให้ตนช่วยพยายามติดต่อกับทางมิจฉาชีพรายนี้ในเฟซบุ๊กให้ทีเพื่อที่นำข้อมูลมาให้จนท.ตำรวจ แต่ว่าตนก็ไม่สามารถติดต่อทุกช่องทางกับโจรรายนี้ได้เลย เพราะถูกบล็อกการติดต่อ
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า ต่อมาในวันที่ 18 ก.ย. ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ธนาคารที่ตนหลงเชื่อเปิดบัญชีให้กัยมิจฉาชีพไว้ จึงทราบความจริงที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อทางธนาคารตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้เสียหายถึง 14 ราย ที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้นำบัญชีของตนไปหลอกเอาเงินผู้เสียหายมาเป็นเงิน 2,891,209 บาท ก่อนจะถูกถอนผ่านแอปฯ ธนาคารออกไปเป็นเงินจำนวน 2,885,155 บาท เหลือติดบัญชีไว้เพียง 6,000 บาท
หลังจากทราบความจริง จากทางธนาคารแล้ว ตนเข่าอ่อนแทบจะทรุดลงกับพื้นธนาคาร เพราะไม่คิดว่าบัญชีที่ตนเปิดให้มิจฉาชีพไปเพียงเพื่อที่จะ ต้องการนำเงินไป ซื้อขนมให้ลูกๆ จะถูกนำหลอกลวงผู้เสียหายเป็น เงินจำนวนมากขนาดนี้ ตนคงไม่มีเงินมากมายขนาดนี้หามาคืนผู้เสียหายได้ทุกคน เพราะทุกวันนี้แค่รับส่งอาหารกับผ่อนจ่ายเงินกู้รายวันก็แทบไม่เหลือเงินแล้ว
นายนิรันดร์ หนุ่มไรเดอร์ กล่าวว่า หลังจากทราบความจริงที่ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีแล้ว ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน
พยายามฆ่าตัวตาย มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ภรรยากับลูกๆ หนุ่มไรเดอร์ มาช่วยไว้ทัน ต่อมาตนเคยคิดว่าจะหนีคดีไปให้ไกล เพราะรู้ว่าคดีนี้มีผู้เสียหายถึง 14 คน ต่างกรรมต่างวาระ และต่างจังหวัดกันไป ถ้าหากตนหนีคงต้องหนีไปทั้งชีวิตไม่ได้เจอหน้าลูกเมีย แต่ถ้าสู้ความจริงยอมรับว่าความผิดพลาด ที่เกิดขึ้นมาจากเราที่หลงเชื่อโจรเอง อย่างน้อยช่วงที่ติดคุกลูกเมียก็ยังมาเยี่ยมมาเจอกันได้
ทำให้ตนตัดสินใจว่า จะยอมรับความจริงที่เกิดทั้งหมด ไม่อยากหลบหนีไปไหนเพราะตนไม่มีเจตนาที่จะไปโกงคนอื่นๆ เพราะถ้าโกงจริงป่านนี้ตนกับครอบครัวคงจะสบายไปแล้ว ได้แต่เตรียมทำใจรอรับหมายเรียกต่าง ๆ จากเจ้าทุกข์ผู้เสียหาย
จนกระทั่งต่อมามีหมายเรียกจากจนท.ตำรวจ สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี แจ้งให้ตนเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้
ด้วยความที่ตนไม่ค่อยมีเงินเดินทาง จึงตัดสินใจว่าจะขี่ รถ จักรยานยนต์ที่ตนใช้วิ่งงานอยู่ เป็นพาหนะเดินทางไปพบจนท.ตำรวจตามหมายเรียกที่อุบลราชธานี ที่มีเจ้าทุกข์แจ้งความไว้เป็นเงิน 7.7 หมื่นบาท จึงนำเรื่องราวไปสอบถามเพื่อนๆ ในกลุ่มไรเดอร์เพื่อที่จะขอคำชี้แนะเส้นทางในการเดินทาง
นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันมีกลุ่มโจร รับซื้อรับขาย บัญชีธนาคาร เป็นจำนวนมาก หากคนไม่มี ประสบการณ์อาจจะเผลอหลงเชื่อตามคำหลอกลวงของโจรจะเกิดความเสียหายตามมาในภายหลังมากกว่าที่คิด ให้ดูกรณีของตนเป็นกรณีศึกษา
ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงดิจิตอลและตำรวจไซเบอร์ เร่งปิดกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ในFacebook และอยากจะให้ช่วยสืบหาต้นต่อของโจรที่หลอกลวงให้ตนเปิดบัญชีให้ไปด้วยว่า เงินจำนวนเหล่านี้ถูกโอนต่อไปยังปลายทางที่ไหนด้วย เพื่อที่จะติดตามนำกลับมาคืนให้ผู้เสียหายทั้งหมด
อย่าให้พวกมันสบายบนความลำบากของคนอื่น เหมือนครอบครัวตนที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ซึ่งถ้าตนย้อนเวลาได้ตนคงไม่ตัดสินใจแบบนั้นอย่างแน่นอน คงจะคิดได้รอบคอบมากกว่านี้