Saturday, 25 March 2023

จบมหากาพย์ หวยรางวัลที่ 1 เมียโอนเงินล้านคืนผัว ขอ 1 แสนไปเริ่มชีวิตใหม่

ล่าสุดเช้าเมื่อวานนี้ นายมะนิช พร้อมอดีตภรรยา นางอังคนารัตน์ รวมทั้งลูก ๆ เดินทางมา หวยรางวัลที่ 1 ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อโอนเงินดังที่ ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายมะนิช ได้เงิน 1.5 ล้านบาท จากที่ตกลงไว้ที่ 1.6 ล้านบาท โดย นางอังคนารัตน์ ขอเงิน 1 แสนบาทไป ใช้ตั้งตัวเริ่มชีวิตใหม่

นายมะนิช เปิดเผยว่า พอใจที่ได้เงินคืน จะได้มีเงิน ส่งลูกศึกษาต่อ รวมทั้งจนกระทั่งช่วงนี้ หากอดีตภรรยา ให้ออกจากบ้าน ก็ยังไม่รู้ว่า จะไปอยู่ที่ไหน ก็ขอไปเรื่อย ๆ

ด้าน นางอังคนารัตน์ กำหนดภายหลังจาก โอนเงินเคลียร์ปัญหาแล้ว ตั้งอกตั้งใจว่าจะ ไปนุ่งขาวห่มขาว 1 อาทิตย์ ที่วัดบึงเขาหลง จังหวัดหนองคาย โดยจะขี่มอเตอร์ไซค์ ไปอย่างเดิม ค่ำไหนนอนนั่น ยืนว่าไปคนเดียว

หลังจากนั้นตั้งอกตั้งใจจะไปกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส. โดยประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อนำเงิน ไปลงทุนหอพักเพราะ ต้องหาเงินเลี้ยงลูก ส่วนสามีอดีตทหาร (ญาติของนายมะนิช ที่จดทะเบียนกับนางอังคนารัตน์) ช่วงนี้ต้องการจะหย่ากับตน หลังกลับจากหนองคาย ก็จะไปหย่า ให้ตามความต้องการ

นายมะนิช

หวยรางวัลที่ 1 ก่อนหน้านี้ เปิดใจ เมียยอมคืนเงินถูกหวย 3.1 ล้าน ลั่น ขอแยกทาง ไล่ผัวออกจากบ้าน

ใกล้จบดราม่า หวยอลเวง เปิดใจภรรยา กลับบ้าน ตั้งอกตั้งใจคืนเงิน 3.1 ล้านที่เหลือคืน ขอแยกทางในทันที รวมทั้งไล่ผัว ออกจากบ้าน ด้านสามีรอ เรื่องทุกอย่างจบ จึงถอนแจ้งความ

จาก กรณีหวยอลเวง นายมะนิช อายุ 49 ปี ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 พ.ย. 2565 รับเงิน 6 ล้านบาท แต่ว่าถูกภรรยา อายุ 45 ปี ที่อยู่ กินกันมา 26 ปี แต่ว่าไม่ได้จดทะเบียน หอบเงินไปกับชายอื่น

โดยทีแรก ไม่ต้องการแจ้งความ เพราะกลัวภรรยาโดนจับ แต่ว่าต่อมาเปลี่ยนใจ เข้าแจ้งความ เนื่องด้วยคิดว่าโดนหลอก ภรรยาพูดกลับไปกลับมา ดังที่ได้รายงาน ไปแล้วนั้น

ในวันที่ 20 พ.ย. 2565 นางอังคณารัตน์ อายุ 45 ปี ซึ่ง เป็นภรรยา ที่อยู่กินมากันมา 26 ปี ได้เดินทางกลับ มาบ้านในช่วงเวลาเช้าเพื่อมาพบกับ นายมะนิช อายุ 49 ปี ชาวบ้านคางฮุง ม.5 ต.ธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี สามีที่บ้าน หลังรู้ว่าสามีแจ้งความจับ เพื่อตกลงเจรจากัน

โดย ร่วมเดินทาง มายังสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี พร้อมลูก 2 คน เพื่อทำบันทึกถ้อยคำ ไว้เป็นหลักฐาน กลับมาแล้ว แต่ว่าเจตนาเป็นนำเงินมาคืน 3.1 ล้านบาท ที่ยังเหลือในบัญชี รวมทั้งภายหลังจากคืนเงินได้ แจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้บันทึกปากคำ ขอแยกทางกับผัวโดยเด็ดขาด

ภายหลังที่มอบเงินคืน ให้และให้แยกทาง กันในทันที ให้ออกจากบ้านใน 3 วัน โดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าเกิดเข้ามาบุกรุก ก็จะแจ้งความดำเนินคดี ในทันทีเนื่องด้วยปราศจากความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา กันอีกต่อไปโดยเด็ดขาด

นางอังคนารัตน์

สำหรับเงินปริมาณ 3 ล้าน 1 แสนที่เหลือนั้น แบ่งเป็น 3 ส่วน ให้ผัว รวมทั้งลูก 2 คน (เพราะ คนโตจบการศึกษาแต่งงานแล้ว ได้เงินไปแล้ว 2 แสนบาท) คนที่จะได้รับใหม่ เป็นคนเล็ก 1 ล้านบาท อายุ 11 ปี รวมทั้ง ลูกคนกลาง 500,000 บาท รวมทั้งให้สามี 1 ล้าน 6 แสนบาท รวมเป็น 3.1 ล้านบาท รวมทั้งทวงทองรูปพรรณ สร้อยคอ แหวน หนัก 2 บาทที่ตนซื้อ ให้ผัวเก็บไว้ คืนด้วย

ในวันนี้ ยังไม่มีการถอนแจ้งความเดิม จนกว่าจะดำเนินการตามข้อตกลง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะให้ฝ่ายผู้ชาย มาถอนการแจ้งความตอนหลัง เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้เกิดปัญหา ตามมาจากการที่ฝ่ายหญิง ที่บางทีอาจหายไปอีก

ในเวลาเดียวกัน การมอบเงินให้บุตรสาวตกลงกัน ในข้อกำหนดว่า จะให้ถอนเงินมาใช้ ได้เมื่อบุตรสาวอายุ ถึง 20 ปีบริบูรณ์ ส่วน ลูกชายที่เขาเรียน มัธยม6 ก็กำหนดว่า ให้สามารถถอนเงินจำนวน ที่แม่มอบไว้ให้ได้ เมื่ออายุถึง 25 ปีแล้ว เท่านั้น

ซึ่งสามี นายมะนิช อายุ 49 ปี ก็ยอมอย่างนั้น รวมทั้งบอกว่าพอใจ ที่ได้เงินกลับมา ให้ลูกเรียนหนังสือ รวมทั้งเงินส่วน ที่ตัวเองได้ก็จะเอาไป ลงทุนส่วนตัว ยอมรับเงื่อนไขที่ให้ออกจากบ้าน

เพื่อลูกอยู่กับแม่ที่บ้าน เพื่อความสบายใจ ส่วนตัวเองก็จะออกจากบ้าน ไปหางานทำที่กทม. เพื่อหาอาชีพเลี้ยงตัวเอง รวมทั้งยืนยันว่าทุกอย่าง ทำด้วยความรักภรรยา รักครอบครัว ส่วนการจะมีการคืนดีกันไหมนั้น ขอให้คือเรื่องของอนาคต ถ้าเกิดภรรยาอภัยให้ ก็จะขอกลับมา

นายมะนิช นางอังคนารัตน์

ด้านนางอังคณารัตน์ บอกว่า ภายหลังจากทราบข่าว การแจ้งความจับ ก็เลยกลับมาเคลียร์ปัญหา

เรื่องเงิน รวมทั้งยืนยันว่าไม่ได้ ไปกับผู้ชาย คนที่มาที่บ้าน รวมทั้งเพียงรู้จักกัน แต่ว่าไปคนเดียวโดยไม่มีผู้ใดไปด้วย และไม่มีเรื่องมีราวชู้สาว แต่ว่าไม่พอใจที่สามีชอบดุด่า รวมทั้งโดนลูกชายหาเรื่องใส่ ก็เลยหนีไปทำใจ

รวมทั้งตั้งอกตั้งใจจะหนี ไปเข้าวัดไปเรื่อย ๆ เพื่อเอาเงิน ที่ถูกรางวัลไปทำบุญ รวมทั้งจะเข้าวัดไปนุ่งขาว ห่มขาว สะเดาะเคราะห์ แต่ว่าถูกกล่าวหา ก็เลยต้องกลับมาเคลียร์ปัญหา รวมทั้งคำครหา ยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาว มาเกี่ยวเนื่อง

การเดินทางกลับมา ก็นำเงินที่เหลือจาก การถูกรางวัล 6 ล้านบาท ในบัญชี ที่โอนให้ผัวแล้ว 1 ล้าน ชำระหนี้สินที่เป็นหนี้ กับ ธ.ก.ส.ไปแล้ว รวมทั้งเหลือ 3.1 ล้านกลับมาด้วย เพื่อนำมาคืน แล้วเดินทางไปพบ พันตำรวจโทสมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาจากผัว รวมทั้งลงบันทึกประจำวันว่า นำเงินทั้งหมด มาคืนให้กับผัว เพื่อแบ่งสามส่วน ทั้งผัวรวมทั้งลูก 2 คน ดังกล่าว

พร้อมกับแจ้งว่าภายหลังจากคืนเงิน รวมทั้งขอสร้อยทองคืนแล้ว ยืนยันขอแยกทางกับผัว ไล่ให้ออกจากบ้าน รวมทั้งที่ดิน ที่เป็นมรดกของตน ใน 3 วัน โดย จะให้ทุกคน ไปเปิดบัญชีธนาคารของตนทั้ง 3 คน ในวันจันทร์ แล้วจะโอนเงินให้ เพื่อทุกอย่างจบ

โดยตน จะขออยู่ที่บ้านกับลูก รวมทั้ง จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ อดีตทหารนอกราชการ ที่พิการที่ตนคอยดูแล แลกกับการเอาเงินเดือนมาให้ ใช้จ่ายในครอบครัว ที่จดทะเบียน เพื่อดูแลกันถัดไป โดยยืนยันว่าไม่มีชายอื่น โดยเด็ดขาด

ภายหลังจากการบันทึกลงชื่อข้อตกลง คืนเงินกันแล้ว ทั้งสองได้จับมือกันว่า ยังคงคบกัน เป็นเพื่อนได้ โดยมิได้แค้นเคือง ทะเลาะกัน ส่วนการที่อาจจะกลับมาคืนดี กันใหม่ไหมนั้น ขอให้เป็นเรื่องอนาคต ที่ขอดูกันไปก่อน เพราะอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่ ว่าอะไรก็เป็นได้

ในขณะ พันตำรวจโทสมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด ที่ได้บันทึกปากคำ บอกว่า พอใจที่เรื่องจบลงด้วยดี แต่ว่ายังจะไม่มี การถอนแจ้งความ จากที่นายมะนิชแจ้งไว้ จนกว่าจะมีการเปิดบัญชี โอนเงินทั้งหมดดังที่ ตกลงกันแล้ว จึงจะมีการบันทึกถอนแจ้งความ ในตอนหลัง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา ที่บางทีอาจไม่ทำตามสัญญา

ถ้าเกิดทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะให้บันทึกถอนแจ้งความถัดไป แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกต เป็นการที่นางอังคณารัตน์ อ้างถึงว่าเงิน ยังเหลือ 3.1 ล้านบาท นั้น ปรากฏว่ามิได้นำสมุดบัญชีมาแสดงให้เห็น ยอดเงินดังกล่าวด้วย โดยอ้างถึงว่าซ่อนไว้ และไม่ได้นำมาด้วย ซึ่ง ก็น่าสังเกต รวมทั้งน่าติดตามว่า การกล่าวอ้างว่าเหลือเงิน 3.1 ล้านบาท ในบัญชี ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอ วันที่ทุกคนเปิดบัญชีใหม่ แล้วดูว่ามีเงินที่จะ โอนให้ตามข้อตกลงไหมถัดไป.